วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556


สินค้าบุญ

 

 


“สินค้าคุณธรรม” (merit goods)

       merit goods (public goods) สินค้าที่มี ประโยชน์ต่อส่วนรวม ที่ระบบตลาดเสรีล้มเหลวในการจัดสรรอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีการผลิตหรือบริโภคน้อย เช่น การฉีดวัคซีนป้องกันโรค การสาธารณสุข การให้การศึกษาและฝึกอบรม จึงเป็นหน้าที่ที่รัฐจะต้องเข้ามาให้การสนับสนุน เพราะการผลิตสินค้าที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวมให้มีราคาตกต่ำลง คนส่วนใหญ่เข้าถึงได้ จะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากกว่าที่จะปล่อยให้การผลิตและการกระจายสินค้า ประเภทนี้เป็นไปตามกลไกตลาดที่คนรวยจะได้เปรียบคนจน
     แนวคิดเกี่ยวกับสินค้าคุณธรรม (merit good) ในทางเศรษฐศาสตร์นำเสนอโดยริชาร์ด มัสเกรฟส์ (Richard Musgrave1957, 1959) คือ สินค้าอุปโภค (commodity) ที่ตัดสินโดยบุคคลหรือสังคม บนพื้นฐานของความต้องการ (need) ที่มากกว่าความสามารถและความเต็มใจที่จะจ่ายชำระ (ability and willingness to pay)
 
 
 

 
     ตลาดสินค้าคุณธรรม (merit good) เป็นตัวอย่างของตลาดที่ไม่สมบูรณ์ (incomplete market) สินค้าคุณธรรมมีลักษณะพื้นฐานสองประการ
     ประการแรก เป็นเหมือนสินค้าส่วนตัว ผลประโยชน์ส่วนตัวสุทธิของผู้บริโภค ที่ไม่ได้คิดคำนึง (recognised) ในขณะที่บริโภค
     ประการที่สอง เมื่อมีการบริโภคสินค้าคุณธรรม จะเกิดผลประโยชน์ให้แก่บุคคลอื่น จากประโยชน์ที่สังคมได้รับนี้ เป็นการบริโภคที่ไม่ได้คิดคำนึงหรือไม่เป็นที่ยอมรับ

 

 

สินค้าบาป

 




สินค้าบาปหรืออกุศลทรัพย์”(demerit goods)ตรงกันข้ามกับสินค้าคุณธรรม”“กุศลทรัพย์” “สินค้าบุญ(merit goods)
สินค้าบาป”(demerit goods)
คือ สินค้าที่ทำให้สุขภาพไม่ดีหรือที่สร้างความเสียหายในทางใดทางหนึ่ง สินค้าบาปสามารถเป็นอันตรายต่อร่างกาย (บุหรี่) อันตรายต่อจิตใจ (การพนัน) หรืออันตรายต่อศีลธรรม (โสเภณี) ในหลายกรณีสินค้าบาปอาจมีการเก็บภาษีเพิ่มเติมเพื่อที่จะลดการบริโภค; ภาษีเหล่านี้เป็นที่รู้จักกันว่า เป็น ภาษีบาป” (sin taxes)
ภาษีบาป (SIN TAX) อาทิเช่น สุรา ยาสูบ สถานประกอบการด้านบันเทิง เครื่องดื่มชูกำลัง รวมถึงชา กาแฟ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยในเบื้องต้นจะเก็บภาษีชาและกาแฟ ที่บรรจุอยู่ในกล่องและกระป๋อง

     พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2528“สิ่งเสพติดให้โทษหมายถึง "สารเคมีหรือวัตถุชนิดใดๆ ซึ่งเมื่อเสพเข้าสู่ร่างกายไม่ว่าจะโดยรับประทาน ดม สูบ ฉีด หรือด้วยประการใดๆ แล้วทำให้เกิดผลต่อร่างกายและจิตใจใน ลักษณะสำคัญ เช่น ต้องเพิ่มปริมาณการเสพขึ้นเรื่อยๆ มีอาการขาดยาเมื่อไม่ได้เสพ มีความต้องการเสพทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรงอยู่ตลอดเวลา และทำให้สุขภาพทรุดโทรมลง กับให้รวมตลอดถึงพืช หรือส่วนของพืชที่เป็นหรือให้ผลผลิตเป็นยาเสพติดให้โทษหรืออาจใช้ผลิตเป็นยา เสพติดให้โทษ และสารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดให้โทษด้วย ทั้งนี้ ตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่ไม่หมายความถึงยาสามัญประจำบ้านบางตำรับ ตามกฎหมายว่าด้วยยาที่มียาเสพติดให้โทษผสมอยู่"
     สิ่งเสพติด (Narcotics ; Drugs) คือ ยาประเภทหนึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำให้ผู้ได้รับมีความต้องการมากขึ้นเรื่อย โดยจะเข้าสู่ร่างกายโดยการ กิน สูบ ฉีด หรือดม ผลของสิ่งเสพติดต่อการทำงานของระบบต่างๆ ของร่างกายของผู้เสพจะเกิดโทษต่างๆ เช่น ร่างกายทรุดโทรม หรือมีอาการทางจิต ประสาทหลอน เพ้อ คลุ้มคลั่งเป็นต้น
     มีสินค้าอยู่ประเภทหนึ่งที่เรียกว่า สินค้าบาปบางอย่างถือเป็นสิ่งเสพติดอย่างอ่อน ที่กฎหมายอนุญาตให้จำหน่ายและเสพได้อย่างแพร่หลาย ในที่นี้ จะยกตัวอย่างเพียง 3 รายการ คือ เหล้า บุหรี่ และคาเฟอีน
 

 

1. เหล้า หรือ สุรา (Ethyl Alcohol)

คือ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบได้จากการหมักน้ำที่ได้จากผลไม้หรือพืช กับยีสต์ทิ้งไว้จนกระทั่งเกิด
สุรา (เหล้า) เครื่องดื่มทุกชนิด ที่ดื่มแล้วทำให้มันเมา ในสุรามีแอลกอฮอล์ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย เมื่อแอลกอฮอล์เข้าไปในกระแสเลือด เลือดก็จะนำไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย ถ้าเราดื่มมากๆ อาจจะทำให้เป็นโรคตับแข็ง และยังเป็นอันตรายต่อกระเพาะอาหาร ลำไส้ ปอด เป็นต้น
 
แอลกอฮอล์ (Alcohol)
แอลกอฮอล์ เป็นของเหลวไม่มีสี แอลกอฮอล์ในเครื่องดื่มมึนเมา คือ เอธิลแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มมึนเมาชนิดต่างๆ เช่น เหล้า เบียร์ วิสกี้ บรั่นดี จะมีปริมาณของเอธิลแอลกอฮอล์แตกต่างกัน
แอลกอฮอล์ มีหลายประเภท ไวน์ เบียร์ บรั่นดี วิสกี้ วอดก้า มาร์ตินี สุราขาว อุ กระแช่ สาโท มีฤทธิ์กดประสาท
 
เบียร์และสุราต่างกันอย่างไร
    ทั้งเบียร์และสุราเป็นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ มีคุณค่าทางอาหารต่ำแต่มีแคลอรี่สูง เบียร์แตกต่างจากสุราที่ปริมาณแอลกอฮอล์และกรรมวิธีในการผลิต เบียร์ทำโดยการหมักข้าวบาร์เลย์งอก (malted barley) โดยไม่ได้กลั่น มีปริมาณแอลกอฮอล์น้อย ประมาณ 4 - 6% โดยปริมาตร ส่วนสุราชนิดต่าง เช่น วิสกี้ บรั่นดี วอดก้า แม่โขง เป็นเหล้าชนิดกลั่นมีปริมาณแอลกอฮอล์สูงกว่า ประมาณ 40 - 50% โดยปริมาตร
     ในช่วงแรกผู้ดื่มจะรู้สึกเจริญอาหาร กระฉับกระเฉง แต่เมื่อดื่มติดต่อกันมากขึ้น ประสิทธิภาพของสมองลดลง เกิดอาการมึนเมา ขาดสติ เสียการทรงตัง อาเจียน
     สำหรับผู้ที่ดื่มในปริมาณน้อย เมื่อหยุดดื่มอาจมีอาการเมาค้าง ร่างกายจะรู้สึกมึนงง ปวดศีรษะ คลื่นไส้ แต่จะหายไปเอง
      สำหรับผู้ที่มีอาการติดสุราอย่างรุนแรง มีความต้องการดื่มตลอดเวลา เมื่อหยุดดื่มจะเกิดอาการที่เรียกว่า เปรี้ยวปาก มือสั่น เหงื่อออกมาก ใจสั่น นอนไม่หลับ กระวนกระวาย คลื่นไส้ อาเจียน ประสาทหลอน หงุดหงิด และอาจเสียชีวิตได้
 
2. บุหรี่ (Cigarettes)
     บุหรี่เป็นสิ่งเสพติดที่แพร่ระบาดไปแทบทั่วทุกมุมโลก การติดบุหรี่ของผู้เสพนั้นแท้จริงแล้วเป็นการติดสารนิโคตินที่มีอยู่ในยาสูบที่นำมาทำบุหรี่ ควันจากการเผาไหม้ของยาสูบมีส่วนประกอบทางเคมีหลายอย่างที่สามารถทำลายปอดได้ สารนิโคตินในบุหรี่มีฤทธิ์กระตุ้นประสาท ทำให้ผนังหลอดเลือดหดตัว ความดันเลือดสูง หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
ผู้สูบบุหรี่มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งสูงมาก เช่นมะเร็งปอด มะเร็งที่ช่องปาก มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งเม็ดเลือดขาว
หากหยุดสูบจะรู้สึกไม่สบายใจ หงุดหงิด นอนไม่หลับ ไม่มีสมาธิ กระวนกระวาย หัวใจเต้นช้า
     บุหรี่ เป็นสิ่งเสพติดอย่างอ่อนที่ถูกต้องตามกฎของประเทศ ซึ่งทำรายได้แก่ผู้ผลิตและรัฐบาลจำนวนมาก แต่บุหรี่ถือว่าเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดโรคร้ายแรงหลายอย่างของระบบทาง เดินหายใจ หัวใจ และระบบหมุนเวียนโลหิต พิษของบุหรี่เป็นฤทธิ์ผสมของสารพิษต่างๆ ในควันควันบุหรี่ที่สูดดมเข้าทางปาก และ จมูก คนที่ติดบุหรี่ทีโอกาสเป็นมะเร็งที่ปอด ปาก หลอดลม กระเพาะปัสสาวะ หรือที่ตับอ่อน เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจมากกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ และอาจมีอันตรายต่อทารกในครรภ์ และผู้ที่อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงด้วย
      ในบุหรี่มีสารนิโคติน ซึ่งจะระเหยออกมาพร้อมกับควันบุหรี่ สารนิโคติน จะเป็นอันตรายต่อหัวใจ ระบบประสาท อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจ เป็นต้น
       บุหรี่ มีสารต่างๆ หลายชนิด แต่สารสำคัญที่ทำให้เกิดการเสพติดคือ นิโคติน เป็นสารแอลคะลอยด์ที่ไม่มีสี นิโคติน 30 มิลลิกรัมสามารถทำให้คนตายได้ บุหรี่ธรรมดามวนหนึ่งจะมีนิโคตินอยู่ราว 15-20 มิลลิกรัม ก็คือจำนวนนิโคตินในบุหรี่ 2 มวน สามารถทำให้คนตายได้ในทันที แต่การที่สูบบุหรี่ติดต่อกันหลายมวนแล้วไม่ตาย ก็เพราะว่ามีนิโคตินในควันบุหรี่ เป็นส่วนน้อยที่เข้าสู่ร่างกายของผู้สูบ
       นิโคติน เป็นสารที่มีลักษณะคล้ายน้ำมัน ไม่มีสี ร้อยละ 95 ของนิโคติน ที่เข้าสู่ร่างกายจะไปจับอยู่ที่ปอด บางส่วนจับอยู่ที่เยื่อหุ้มริมฝีปาก และบางส่วนถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด มีผลโดยตรงต่อต่อมหมวกไต ทำให้มีการหลั่งสารเอพิเนฟริน ก่อให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็ว หลอดเลือดแดงหดตัว และอาจหัวใจวายได้ มีการเพิ่มของไขมันในเลือด เส้นเลือดในสมองตีบ และอาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารได้
3. คาเฟอีน (Caffeine)
คาเฟอีนถือว่าเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่งที่ทุกคนแทบจะไม่สนใจถึงพิษภัยของสารเสพติดชนิดนี้ คาเฟอีนจะมีอยู่ในเครื่องดื่มและอาหารหลายประเภท เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม ช็อกโกแลต ยาแก้ปวด เครื่องดื่มบำรุงกำลัง เป็นต้น คาเฟอีนมีฤทธิ์กระตุ้นประสาท ทำให้รู้สึกสดชื่น ตื่นเต้น ไม่ง่วง รู้สึกมีพละกำลัง
น้ำชา กาแฟ จะมีสารคาเฟอีน ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นประสาท ทำให้รู้สึกสดชื่นหายง่วง
หากได้รับคาเฟอีนในปริมาณมากจะทำให้นอนไม่หลับ ใจสั่น หน้าแดง ปัสสาวะมาก คลื่นไส้ อาเจียน กล้ามเนื้อกระตุก ชักหัวใจล้มเหลว และอาจเสียชีวิตได้ หากหยุดหรือลดปริมาณการดื่ม จะรู้สึกหงุดหงิด ง่วงนอน ใจสั่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เฉื่อยชา ไม่มีสมาธิ

นายรักษภูมิ โชติมโนธรรม ม.5 ห้อง 934 เลขที่ 38